วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ซื้อหุ้นอะไร เพราะอะไร ???

ขอเกริ่นก่อนตามระเบียบนะครับ

อะแฮ่มๆ

คนอยากรวยว่ามันเป็นปกติที่คนเราจะชอบแยกอะไรสักอย่างนึงเป็นประเภทต่างๆ  มันอาจจะทำให้สมองดูเป็นระเบียบมากขึ้น  และจดจำได้ง่ายขึ้น  หรือเพื่อการนำไปใช้ก็ตาม


กับหุ้นก็ไม่เว้นครับ  มีคนแยกหุ้นออกเป็นชนิดต่างๆมากมาย  บางคนแยกเป็น  หุ้นปั่นกับหุ้นไม่ปั่น  บางคนแยกเป็นหุ้นดีกับหุ้นเลว(แหม  ถ้ามีแค่นั้นคนอยากรวยขอรายชื่อหุ้นดีหน่อยสิครับ  อิอิ)  บางทีก็เอาชื่อสายมาเป็นประเภทของหุ้นเช่น  หุ้นเทคนิค  หุ้น VI ฯลฯ



สำหรับคนอยากรวยที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง technical สักเท่าไร  คงไม่ค่อยรู้ว่าสายโน้นเค้าแยกหุ้นเป็นอะไรบ้าง
แค่ในสาย VI เองยังแยกไม่เหมือนกันเลยครับ  ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครผิดใครถูก  ใครอยากจะแยกหุ้นเป็น 2 ประเภท  10 ประเภท  หรือ 200 ประเภท  หรือจะไม่แยกเลยก็ตามใจครับ



สำหรับคนอยากรวยตอนที่ยังละอ่อน(ตอนนี้ก็ยังละอ่อนอยู่อ่านะ)  เคยศึกษาแนว VI ก่อน  เลยโดนปรมาจารย์ปู่บัฟล้างสมองว่า "ถือยาวตลอดชีวิต"
แต่แล้วก็ได้ไปรู้จัก "เซียน VI" แนวหน้าคนนึงที่ผมนับถือเป็นอาจารย์ ผมพอจะรู้มาบ้างว่าอาจารย์เคยเข้าหุ้นในตำนานอย่าง JAS แล้วขายออกหมดไปแล้ว  ผมก็เลยสงสัยว่าขายทำไม  VI ไม่ได้ถือตลอดชีวิตหรอ ???
อาจารย์ก็ตอบมาว่า  ซื้อเพราะหวัง growth พอมันไม่ growth เราก็ขายครับ  "เราต้องรู้ว่าเราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร  และหวังอะไรจากมัน"
ยอมรับว่าตอนนั้นคำพูดนี้ทำให้ผมงงๆอยู่บ้าง  มานึกๆดูก็เคยถามอาจารย์เกี่ยวกับตัวอื่นๆที่อาจารย์ถือ  เช่น CPN, AOT อาจารย์ก็บอกว่า  หุ้นพวกนี้ต้องซื้อตอนวิกฤต(พวกไหนวะ)  ถามตัว DTAC อาจารย์ก็บอกว่าซื้อเอาปันผลพิเศษ


พร้อมกับย้ำอีกทีว่า

"เราต้องรู้ว่าเราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร  และหวังอะไรจากมัน"


เอ๊ะ !!! แล้วสรุปอาจารย์คนอยากรวยนี่ยังงัย  VI หรือเทคนิคเนี่ย  ไหนบอก anti-technical งัย  ทำไมเข้าๆออกๆ  ไม่เห็นจะถือนานเลย  บางตัวพื้นฐานก็ไม่เปลี่ยนนี่หว่า

จนเวลาผ่านไป  คนอยากรวยเก็บ EXP มากขึ้นก็เลยเริ่มเข้าใจที่อาจารย์เคยพูดลอยๆแต่เน้นย้ำ 
ก็เลยขอแยกหุ้นตามประเภทและการเล่น  ซึ่งไม่ได้คิดเอง  แต่เท่าที่อ่านมาชอบของ Peter Lynch มากครับ  แกเป็นหนึ่งในตำนาน VI ของโลก  ระดับปู่บัฟเลยครับ

เข้าเรื่องแล้วนะ 555+  คนอยากรวยเกริ่นนานมาก
Lynch แบ่งหุ้นเป็น 6 ประเภทคือ


1. Slow Growers แปลตามตัวเลยคือหุ้นโตช้า  หมายถึงพวกที่ไม่โตแล้ว  หรือโตช้ามากๆไปตาม GDP(ก็ประมาณ 1 digit อ่านะ)  พวกนี้จะปันผลเยอะเมื่อเทียบกับกำไร  เพราะไม่รู้จะเก็บเงินไว้ทำซากอะไร  กิจการก็ไม่ขยาย  ลงทุนเพิ่มก็ไม่ทำ  ถุย !!!
หุ้นพวกนี้ผลตอบแทนจาก Cap Gain จะไม่เยอะ  อาจจะดีกว่าฝากตัง Bank เล็กน้อย  
Lynch บอกหุ้นพวกนี้อย่าไปเล่นเลยคนอยากรวย
ไม่กล้ายกตัวอย่าง  เพราะรู้จักกิจการไม่เยอะ  เอาเป็นว่าถ้ากำไรมันนิ่งๆหลายปีก็น่าจะเป็นกลุ่มนี้นั่นแหละ  อย่าไปเล่นมันเลย
คนอยากรวยก็ไม่เล่นพวกนี้ครับ


2. Stalwarts  อันนี้แปลตามตัวไม่ได้  เพราะแปลไม่ออก  หุ้นพวกนี้คือหุ้นแข็งแกร่ง  อธิบายง่ายๆกว่านั้นคือหุ้น Blue Chip(เกร็ดความรู้กับคนอยากรวย  บลูชิพคือชิพสีน้ำเงิน(แปลให้)ที่ใช้เล่นในการพนัน  เป็นชิพที่แสดงถึงจำนวนเงินที่สูงที่สุดในบ่อนนั้น  ทำให้มันดูแข็งแกร่งมาก)  ที่โตได้เรื่อยๆ  สักปีละ 10%  จะไม่หวือหวาแบบพวรดเดียวเป็นเด้งๆ  พวกนี้จะใช้ double time นานมาก  อาจะเป็นสิบปี  แต่แข็งแกร่ง  ไม่เจ๊งแน่นอน(มั๊ง)  เช่น PTT, กลุ่มธนาคาร(เอาตัวใหญ่ๆหน่อยนะ), CPN, AOT 
Lynch บอกด้วยซ้ำว่าพวกนี้ถ้าปีนึงขึ้นมา 50% ให้เตรียมขายทิ้ง  เพราะขึ้นมาเวอร์ไปแล้ว
จุดเข้าเล่นของพวกนี้คือ  เจอวิกฤต  เพราะโดนไปมันไม่เจ๊ง  เดี๋ยวก็กลับมาได้  อย่างอาจารย์(ขออ้างชื่อหน่อยนะครับ)ก็เข้าซื้อ CPN ตอนไฟไหม้(ได้ราคา 18 บาท  ตอนนี้ไปอยู่ที่ 47 บาท  แต่อาจารย์น่าจะขายทิ้งไปแล้วแหละ)  AOT ตอนโดนปิดสนามบิน(ได้ราคา 35 บาท  ตอนนี้ราวๆ 60 บาท) 
คนอยากรวยคิดว่าพวกนี้เล่นได้  แต่อย่าหวังรวย  เพราะมันไปเรื่อยๆ  เว้นแต่เจอวิกฤตให้เข้าแล้วออกตอนฟื้นตัวเสร็จ  
แต่อย่างไรก็ดีต้องดูพื้นฐานมันด้วย  ไม่งั้นจะเหมือน AOT ที่ร่วงจาก 70 บาทมา 10 บาทตั้งหลายปีกว่าจะไปแตะที่ 60 บาทได้(ทุนเดิมยังไม่ได้เลย)  บริษัทน่ะไม่เจ๊งหรอก  แต่ผู้ถือหุ้นจะเจ๊งก่อน


3. Fast Growers  อันนี้แปลตรงตัวได้ว่าหุ้นโตเร็ว  หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ Growth Stock  หุ้นที่เป็นที่นิยมมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(สังเกต ๆ อีกแล้ว)  ไม่ว่าตลาดที่ไหนก็ชอบหุ้นพวกนี้  นักลงทุนเกือบทุกคนชอบมาก  PE จึงจะค่อนข้างสูง  ขอเพียงแค่คุณเจอหุ้นนี้สักตัว  ถือให้นานพอแล้วหลายปีต่อมาคุณก็จะกลายเป็นเซียนทันที !!! 
คนอยากรวยเองก็ชอบหุ้นพวกนี้มาก  เพราะไม่ต้องจับ Timing  เห็นว่าโตได้ก็ใส่ไปเรื่อยๆได้เลย  แถมเจอตัวนึงสบายไปหลายปี  เซียนๆทั้งหลายทั้งแท้ทั้งไม่แท้  ต่างมาจากหุ้นเหล่านี้เป็นส่วนมาก  เช่น CPALL(อ.นิเวศน์  ปรมาจารย์ VI เมืองไทย), HMPRO(อ.นิเวศน์อีกแล้ว  อ.ไพบูลย์ อาจารย์ผมด้วยอ่ะ  และอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยนาม), SCBLIF, CPF ฯลฯ
หุ้นประเภทนี้มีเรื่องให้เขียนเยอะมากๆๆๆๆๆ  ขอยกไปรวมไว้ที่ตอนหน้า  เดี๋ยวจะมีแอบด่าหุ้นบางตัวแบบฟันธงไปเลย  บทนี้ขอคร่าวๆก่อนนะครับ  อิอิ
จุดเข้าเล่นของพวกนี้ไม่ต้องคิดครับ  เจอแล้วใส่ได้ทุกไม้  เคาะขวายาวได้เท่าที่ตังจะเอื้ออำนวย  หรือใครจะอยากจับ timing ดูก็เอา  แต่ระวังรถออกก่อนของครบนะครับ 
แต่เนื่องจากใครๆก็คิดว่าซื้อได้ทุกราคา  แพงเท่าไรก็ซื้อ  ขอเตือนด้วยคำพูดดีๆของคนอื่นครับ(เดี๋ยวจัดเต็มบทหน้าเกี่ยวกับ Growth Stock)

ปู่บัฟ "นักลงทุนส่วนมากชอบคิดว่าโลกที่สวยงามจะไปดำเนินไปต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด  และโลกที่เลวร้ายก็จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ  ทั้งๆที่ความจริงมันมีขึ้นก็ย่อมมีลง  สักวันวันเหล่านั้นจะสิ้นสุดลง"

เซียน VI สักคน " การหาหุ้น Growth Stock คุณต้องทำตัวเหมือน เอ ศุภชัยคือเป็นแมวมอง  มองหาแบร์รี่ก่อนจะเป็นณเดชน์อย่างทุกวันนี้  แล้วคุณจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ  แต่ถ้าคุณมาเจอหลังจากที่ใครๆรู้จักณเดชน์แล้ว  คุณจะเป็นแค่คนที่จ่ายตังเพื่อดู  ไม่ได้เป็นคนที่นับตังอยู่หลังเวที"

เซียน VI อีกสักคน "Growth Stock จะโตไปเรื่อย  และค่อยๆลดลงๆ  จนสุดท้ายมันจะโตเท่า GDP มิฉะนั้นมันจะโตจนกลืนกินทั้งโลก" 


4. Cyclicals แปลตามตัวได้คือ  หุ้นรอบๆ  หุ้นเล่นรอบ  หรือหุ้นวัฒจักรนั่นเอง หุ้นพวกนี้ส่วนใหญ่คือ Commodity หรือพวกโภคภัณฑ์(ไม่เกี่ยวกับเจ้าสัวนะครับ)  ยกตัวอย่างได้มากมาย  เช่น PTT, BANPU, UPOIC, PSL หรือพวกน้ำมัน  ยางมะตอย  น้ำตาล  นำมันปาล์ม  ทองแดง  ทอง  อะไรเทือกๆนี้แหละครับ  จริงๆก็รวมถึงพวกอสังหาอย่าง SPALI, LH, SIRI ฯลฯ ด้วยแหละครับ  ซึ่งถ้าจับจังหวะดีๆ  รวยเละครับ  เพราะสามารถทำกำไรระยะสั้นได้ดีเป็นอันดับที่ 2 เลยทีเดียวล่ะครับ(ไม่นับหุ้นปั่นนะ)
จุดเข้าเล่น Lynch แนะนำว่าพวกนี้ควรจะซื้อที่ PE ต่ำๆๆๆๆๆๆๆๆ(เริ่มจะฟื้นตัว)  แล้วไปขายที่ PE สูง(ก่อนที่มันจะขึ้นเต็มที่)  หุ้นพวกนี้ประเมินด้วย PE ไม่ได้ครับ  เพราะกำไรมันมาเป็นก้อนๆแล้วหายไป  ต้องอาศัยการรู้สภาวะเศรษฐกิจที่อิงกับหุ้นตัวนั้นๆด้วย  เช่นราคาน้ำมันโลก  ราคายางโลก  ราคาน้ำตาล ฯลฯ  ซึ่ง Lynch แกก็เล่นบ้างนะครับ  
สำหรับคนอยากรวยขอผ่านฮะ  รอ Level Up ก่อนแล้วถึงจะดู  เพราะโดยส่วนตัวมองว่าดูและเดาทางยาก  แต่ถ้าเล่นเป็น 10 เด้งก็มีมาแล้วครับ  เช่นช่วงนี้ที่อสังหาบูม SPALI และ RML วิ่งมาแล้ว 10 เด้งและดูเหมือนจะวิ่งต่อกันซะด้วย  แต่ money game นี้ง่ายๆครับ  "ลุกคนสุดท้าย  จ่ายตัง"


5. Turnarouds  แปลตรงตัวก็ได้ครับว่าหุ้นกลับตัว  หรือหุ้นฟื้นตัว  หุ้นแบบนี้ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้ Growth Stock เหมือนกัน(จริงๆมันแพ้อยู่นะ)  เป็นหุ้นที่กำลังย่ำแย่ด้วยอะไรสักอย่าง  แต่กำลังจะฟื้นตัว  ซึ่งถ้า turnaround จริง  จะสามารถทำกำไรระยะสั้นได้ดีที่สุด  เรียกว่าเจอทีนึงเปลี่ยนฐานะกันเลยล่ะครับ  หุ้นพวกนี้เช่น JAS(ตำนาน 10 เด้งมากๆ  กำเนิดเซียนและเม่ามามากมาย), KAMART(ที่ตัดสินใจเปลี่ยนแนวธุรกิจจาก distar), RML(อาจจะนะ  รอดูก่อน), THCOM(มาแน่  แต่รับรู้ข่าวไปหมดและ) อะไรพวกนี้น่ะครับ
จุดเข้าเล่น เมื่อไหร่ก็ได้ที่ยังไม่มีคนรู้ตัวว่ามันจะฟื้นตัว  ตัวนี้ไม่ต้องจับ timing มากเช่นกัน  แต่เราต้องมั่นใจว่ามันจะ turnaround จริงๆ  ถ้ามาเทิร์นหลอกๆ  โชคดีก้อาจจะราคาไม่ไปไหน  แต่โชคร้ายเจ๊งกันไปใหญ่นี่เจ็บหนัก  พอฟื้นตัวแล้วก็ดูอีกทีว่ามันเป็นหุ้นแบบไหน  ถ้าโชคดีเจอว่ามันฟื้นว่าเป็น Growth Stock ด้วยก็ 2 เด้งล่ะครับ  เรียกว่ากำไรบานเลย  ตัวอย่างที่ดีก็ JAS อีกนั่นแหละ
คนอยากรวยกับ Lynch เห็นด้วยว่าควรจะมีสักตัวในพอร์ท  แต่ไม่ต้องถึงกับต้องมีให้ได้นะครับ  ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้าเจอทีนึงแล้วมั่นใจมากๆ  bet กับมันไปรอบเดียว  ออกมารวยเลยนะครับ(ต้องมั่นใจนะ)  Lynch บอกว่าถ้ามีหุ้นอย่างนี้สักตัวใน 10 ตัว  ที่เหลือจะกำไรไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร  มีตัวนี้ตัวเดียวพอร์ทสวยครับ  แต่คนอยากรวยมองว่า  ถ้ามั่นใจกับมันจริงๆ  ใส่กับมันไปเยอะเลยครับ  ออกมารวยเลย(แต่ไม่ออกก็จนไปเลยนะ)  ไม่แน่ว่า JAS ตัวต่อไปอาจจะอยู่แถวๆนี้ก็ได้นะ


6. Asset Plays แปลตรงตัวได้อีกแล้วว่าเล่นสินทรัพย์  หรือหุ้นประเภทนั่งทับเงินอยู่นั่นเอง  พวกนี้อาจารย์บอกเลยว่าในเมืองไทยเล่นยาก  คือบริษัทที่สามารถซื้อทั้งหมดได้ในราคาสัก 20ล้าน  แต่แค่ที่ดินทั้งหมดก็ขายได้ 30 ล้านแล้ว  ไม่นับโรงงานเงินสดหรืออื่นๆอีก  หรือสายการบินที่ทั้งสายราคาเท่าเครื่องบิน 5 ลำ  แต่มีเครื่องบิน 20 ลำ อะไรประมาณนั้นแหละ  พวกนี้เล่นยากเพราะเราไม่รู้เมื่อไหร่มันจะ unlock value ตรงส่วนนี้ออกมา  ถึงเราจะรู้ว่าที่ดินตรงนี้มันขายได้ถึง 30 ล้าน  แต่บริษัทไม่ขายจะทำไม ???  ถ้าเป็นอย่างนั้นราคาที่เราถือมันก็ไม่ไปไหนสักทีสิครับ
จุดเข้าเล่น คนอยากรวยเข้าใจว่าเราจะเล่นหุ้นพวกนี้เมื่อเราพบตัว Catalyte ที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูงในเวลาอันใกล้  เพราะถ้าไม่มีตัวเร่งหรือตัวปลดล็อคคุณค่า  ก็ไม่มีใครเห็นคุณค่านั้น  ถ้าไม่ปลดสักทีเราก็ไม่ได้กำไรสักที  โดยสรุปแล้วคนอยากรวยว่าเล่นอยาก  อย่าไปเล่นมันเลย(อ้าว  ซะงั้นอ่ะ)



เป็นงัยกันบ้างกับหุ้นทั้ง 6 ประเภทของนายลินซ์  จำไม่ได้ใช่ไหมครับ  ตอนแรกที่คนอยากรวยอ่านก็จำไม่ได้หรอก  พอเวลาผ่านไปมันก็ค่อยๆซึมและจำได้เองว่ามีอะไรบ้าง  และจะเล่นแบบไหนดี

คนอยากรวยว่า VI ไม่จำเป็นต้องถือตลอดชีวิตหรือถือเป็น 10 ปีนะครับ  ถ้าเราเข้าใจว่าหุ้นแต่ละตัวมันเป็นอย่างไร  และเราจะซื้อเพราะอะไร  แต่เราต้องดูจากพื้นฐานของมันก็พอจะเป็น VI ได้แล้วครับ

ไม่ต้องถือตลอดชีวิตอย่างปู่บัฟก็ได้  คนที่ได้ฉายา hardcore VI อย่างจอห์น เนฟที่ซื้อเฉพาะหุ้น PE ต่ำๆก็บอกว่า "หุ้นทุกตัวของเค้ามีไว้ขาย"  หรือหนึ่งในสุดยอด VI อย่าง Lynch ก็คิดหุ้นทั้ง 6 ประเภทขึ้นมา  และซื้อๆขายๆหลายครั้งมาก  แต่ทุกครั้งเค้าก็ดูพื้นฐาน


คนอยากรวยยังเชื่ออาจารย์ของคนอยากรวยนะครับว่า  "เราต้องรู้ว่าเราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร  และหวังอะไรจากมัน" 




แต่ละคนก็อาจจะแบ่งหุ้นในแบบต่างๆกัน  ไม่จำเป็นต้องมี 6 ประเภทเหมือนคนอยากรวยและ Lynch นะครับ  แต่คนอยากรวยว่าส่วนใหญ่จะมี Growth Stock, Turnarounds และ Cyclicals แน่นอน  บางคนก็มี dividend stock หรือหุ้นปันผลเยอะๆ  บางคนก็มี Superstock หรือหุ้นเมพ  ซึ่ง Superstock คนอยากรวยเข้าใจว่ามันคือหุ้น growth ที่มีคุณลักษณะพิเศษบางอย่างเพิ่มเข้ามา  แต่จริงๆหลักๆก็คือ growth นั่นแหละ
และหุ้นตัวเดียวก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่หนึ่งอย่าง  เพราะตั้งแต่มันเกิดมาก็ไม่มีใครให้ประเภทที่แท้จริงมัน  มีแต่เราที่ไปตัดสินมันเอง  อย่าง CPALL ก็เป็นทั้ง growth stock ทั้ง dividend stock และเป็น blue chip ด้วย




สรุปบทนี้ว่า  ท่องไม่ได้ไม่เป็นไร  แต่ในพอร์ทควรจะมีหุ้นเติบโตหรือ Growth Stock เป็นหลักและจะดีมากถ้ามี Turnaround stock ด้วย  ส่วนประเภทอื่นๆคนอยากรวยไม่ค่อยแนะนำแฮะ  อยากเล่นก็ลองไปดูตามจุดเข้าเล่นละกันนะครับ  ถ้าเก่งหน่อยอาจจะพ่วง Cyclicals  และถ้าเกิดวิกฤตกับ blue chip ก็เล่นไปเลย  แต่พวกนี้ต้องมี timing ที่ดีด้วย
ถ้ายังไม่เจอ timing ที่เหมาะสมก็ไม่ต้องรอนะคนอยากรวยว่า  อัด growth stock กับ turnaround stock ให้เต็มพอร์ทแล้วมารวยกันดีกว่า !!! 

แต่ถ้าหาไม่ได้เลยแม้แต่ growth ก็เอาเงินไปเล่น blue chip ก่อนก็ได้นะครับ  สมมติว่ามันไม่วิกฤตก็ต้องดู timing ก่อนเข้านิดนึง  อย่างน้อยก็ดีกว่าเอาตังไปฝากธนาคาร  เพราะ blue chip ไล่ง่ายมาก  ไม่ต้องหาก็เจอเพราะมีคนจัดไว้ให้และมันอยู่ในความรู้สึกเราอยู่แล้ว 



สุดท้ายคนอยากรวยอยากย้ำอีกทีว่า


"เราต้องรู้ว่าเราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร  และหวังอะไรจากมัน"

  
p.s. หาอ่านหุ้นทั้ง 6 ประเภทอย่างละเอียดได้จาก one up on wall street ของ Lynch นะครับ  มีแปลไทยและเป็นหนึ่งในหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุด  ไม่ซื้อก็ยืมเพื่อนหรือหา pdf โหลดเอาครับ  อิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น