วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเดินทาง 50 ปี

อยากรวยกันไหมครับ


โหยยยยยยยยยย  ใครตอบว่าไม่อยากก็บ้าแล้วล่ะครับ  ใครๆก็อยากรวยกันทั้งนั้น

เพราะเราต้องทำงานเพื่อหาเงินเอาไปเลี้ยงปากท้องตัวเอง  เอาไปทำให้ตัวเองสบายและมีความสุข  ทั้งซื้อรถ  ซื้อมือถือ  ซื้อบ้านหลังใหญ่ๆหรูๆ  และหาเงินเพื่อเลี้ยงคนข้างหลังอย่างพ่อแม่  และเลี้ยงคนข้างหน้าอย่างลูกๆด้วยครับ


ทำให้ในปัจจุบันคนเราทำงานเพื่อเงิน  น้อยคนที่จะมีความสุขกับการทำงาน  เชื่อได้ว่าถ้าหลายคนเกิดมาพร้อมเงินหลายสิบล้าน  คงไม่ทำงานที่ตัวเองทำกันงกๆอย่างตอนนี้แน่ๆ

ถ้ามีวันนั้นคนที่อยากเป็นหมอก็จะเป็นเพราะอยากรักษาคน  คนที่เป็นครูก็เป็นเพราะอยากสอนคน  คนที่เป็นตำรวจก็เป็นเพราะอยากพิทักษ์สันติราษฏร์จริงๆ  ดูโลกมีความสุขไหมล่ะครับ  ทำงานโดยไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับเงิน  แต่ในความเป็นจริงคงทำไม่ได้ทุกคนอย่างนั้นแน่นอนครับ  โลกมันไม่ได้เลิศหรูกันขนาดนั้น  มีคนรวยมันก็ต้องมีคนจน  แต่อย่างน้อยอย่างที่เคยเล่าว่าคนที่รวยเละเทะ  ส่วนมากจะมีการตอบแทนให้สังคมหรือ CSR ครับ  อาจจะมูลนิธิอะไรก็ว่ากันไป


ดูมีความสุขไหมล่ะครับ  แค่เรามีเงินมากๆขนาดใช้ชีวิตได้อย่างสบายทั้งตัวเราเองและคนรอบข้าง  อย่างน้อยตีวงแคบแค่ในขอบเขตของเราและครอบครัวก็มีความสุขแล้ว  ถ้ารวยมากกว่านี้ก็สามารถตอบแทนสู่สังคมได้(หรือจะไม่ตอบแทนก็ว่ากันไปนะครับ  อิอิ)


แล้วอยากรวยขนาดนั้นทำอย่างไรล่ะ  คำตอบก็ต้อง"ลงทุน"ตามเรื่อง time value of money นั่นแหละครับ
แล้วจะลงทุนในอะไรดีล่ะ  ให้ไปทำสาหร่ายทอด, ทำ microsoft, ทำ FB หรืออะไรถึงจะรวย  อันนี้คนอยากรวยก็ไม่รู้เหมือนกันครับ  เพราะถ้ารู้ก็คงทำไปก่อนแล้ว


แต่ประเด็นที่คนอยากรวยจะนำเสนอคือการลงทุนในเวลาครับ

คือที่มาของตอน "การเดินทาง 50 ปี" นั่นเอง


ลงทุนในเวลาอย่างไร  วิธีง่ายๆครับ  แค่เริ่มต้นด้วยเงินสัก 1 ล้าน  แล้วหาอะไรที่ผลตอบแทน 15% ให้ได้ทุกปี  ผ่านไป 50ปี(จริงๆ 51ปี)  เงินต้นเราก็จะกลายเป็น 1,000 ล้านโดยที่ไม่ต้องเติมเงินลงไปแม้แต่บาทเดียวครับ !!!

วิเศษมั๊ยล่ะครับ  สำหรับเราๆท่านๆผมเชื่อว่าแค่ 10 หลักก็พอที่จะให้ตัวเองและครอบครัวสบายแล้วครับ


แต่อะไรล่ะที่จะให้ผลตอบแทน 15% ต่อปีได้  กวาดสายตาหาทั้งแผ่นดินก็คงจะมีแต่หุ้นนี่แหละครับ  หุ้นวันนึงแกว่งขึ้นลงบางทีมากกว่า 5% ซะอีก  ดังนั้นขอแค่เราทำให้ได้ 15% ภายใน 1 ปีก็วิเศษมากแล้วครับ  ยิ่งถ้าเราเติมเงินไปอีก  พอร์ตเราจะเดินทางเร็วขึ้น
คือปกติ 15% เราจะได้ double time หรือ 1 เท่าตัวทุกๆ 5 ปี(โดยประมาณ)  แต่ถ้าเราใส่เงินจำนวนเท่าๆเดิมลงไปเราจะได้ 20 เท่า(ของเงินปีแรกที่ใส่ลงไป)ใน 10 ปี  และจะได้ 100 เท่าใน 20 ปี  และจะได้ 1,000 เท่าใน 36 ปีครับ   


การเดินทาง 50 ปี  สู่เส้นทาง 1,000 ล้านนี้  เราอาจจะไม่ต้องใช้เวลา 50 ปีจริงๆก็ได้ครับ  สมมติว่าเราได้ 15% ใน 3 เดือน  ก็ถือว่าเราประหยัดเวลาไป 9 เดือนจากที่เราตั้งเป้าไว้ 1 ปีแล้วครับ  ยิ่งถ้าเกิดโชคดีเราได้ 1 เด้ง  ก็ประหยัดเวลาไป 5 ปีเลยครับ


เพียงแต่ข้อควรระวังคือ  การเดินทาง 50 ปี  ไม่ได้เว้นช่องว่างให้การขาดทุนนะครับ  ขาดทุน 15% ทีนึง  มันจะไม่ใช่เสียเวลาแค่ 1 ปี  การจะกลับไปให้ได้เท่าเดิมจะต้องใช้ถึง 17.6%(ยังไม่รวมค่าคอม)หรือปีกว่าเลยทีเดียว  ดังนั้นถ้าเราเล่นแบบพนันว่ามันน่าจะได้ยังงี้ไม่ดีแน่นอน  เพราะถ้าได้ 15% เสีย 15% เราจะขาดทุนและไม่มีวันเดินทางถึงจุดหมายได้ครับ  เราจึงต้องเล่นตัวที่เรามั่นใจว่ามันจะได้จริงๆ  อย่างน้อยมันอาจจะขาดทุนชั่วคราว  แต่มันจะไม่ขาดทุนถาวรและจะกลับมาได้มากกว่าเดิมเมื่อเวลามาถึงครับ(เราต้องมั่นใจจริงๆนะครับขอย้ำ)


**** การเดินทาง 50 ปี  ไม่เว้นช่องว่างให้การขาดทุนครับ ****(แต่ขายหมูได้ตามสบาย)



สรุปจากการลงตลาดมาเกือบ 3 เดือน  ประมาณทุนนี่แหละครับ  รวมๆแล้วมีกำไรนิดหน่อย  ตัว BLA และ SCBLIF นี่วิเคราะห์ค่อนข้างดีแล้ว  SiS ก็ค่อนข้างมั่นใจและศึกษามาดีเช่นกัน  แต่ SNC นี่น้อยหน่อย  และคิดว่าอาจจะขายทิ้งเพราะไม่เข้าใจดีนักครับ(อย่าลืมนะครับ  อย่า bet อย่า buy and pray)  ส่วน RML นี่ cut loss ครั้งแรกในชีวิตไปแล้วครับ  ไม่ใช่ตัวนี้ไม่ดีนะครับ  แต่ซื้อเพราะไม่เข้าใจอะไรเลย  ลงไปก็ไม่กล้าซื้อครับ  ต่อให้ลงไปที่ 1 บาทก็ไม่กล้าซื้อ  แต่ถ้าเป็น BLA ที่ 20 หรือ SCBLIF ที่ 350 บาทคงกู้หมดบ้านมาเล่นนะครับ  เพราะรู้ว่ามันควรจะอยู่ตรงไหนเมื่อไหร่


ก็ค่อยเติบโตขึ้นและเข้าใจอะไรมากขึ้นตามแนวทางเม่ามือใหม่  และเชื่อว่าหลายๆคนที่เข้ามาใหม่คงคันไม้คันมืออยากซื้อไอ้โน่นไอ้นี่ไปหมด  เข้าใจอะไรก็ไม่ค่อยเข้าใจ  อธิบายธุรกิจหรือซื้อเพราะอะไรก็ไม่ได้  ภาพในอนาคตก็ไม่เห็น  อย่าง BLA, SCBLIF หรือ SiS นี่คนอยากรวยนั่งเขียนตัวเลขคร่าวๆให้ดูได้เลยนะครับ  ว่ามันจะอะไรอย่างไรเท่าไหร่บ้าง


คนอยากรวยว่าเข้ามาใหม่ๆมันจะสงสัยอะไรเต็มไปหมด(อย่างตอนนี้คนอยากรวยยังสงสัยแนวทางตัวเองอยู่เลย)  อย่าง VI กว่าจะเป็น JOB นั้นได้ต้อง Lv สูงพอสมควร  ไม่ใช่เม่ามือใหม่อานหนังสือตีกระจายหรือของปู่บัฟ  แล้วจะลงสนามจริงใช้ได้เลย  บางทีมันต้องลองผิดลองถูกกันหน่อย
เพราะเราอาจจะแค่คิดว่าเลือกตัว  ซื้อ  ถือยาว  ปิดคอม  เปิดมาอีกทีราคาลงไปครึ่งนึง  เราจะมั่นใจเหมือนในตำราไหมครับว่ามันจะดีดมา 3-4 เท่า  เอาแค่ราคาตกไป 10% คนอยากรวยก็เริ่มคิดแล้วครับ

คนอยากรวยว่ายากนะครับที่มือใหม่จะรู้และมั่นใจบริษัทจริงๆ  เพราะอ่านไปนิดนึงก็ลงมาเล่นแล้ว  ถ้าหุ้นขึ้นก็โชคดีไป  แต่ถ้าหุ้นตกสุดท้ายก็เจ็บตัว  ออกจากตลาดไปเอง  ก็ไม่เป็นไรครับ  ค่าครูมันก็ต้องมีบ้าง  แต่อย่าให้บ่อยและกันครับ  อย่าลืมแผนการเดินทางเรานะครับ  จ่ายค่าครูมากระวังจะไม่ได้เดินทางเน้อ ^^


สุดท้ายคนอยากรวยว่าจะเป็น VS, VI หรือ trend follower หรืออะไรไม่สำคัญเลยครับ  ขอแค่ทำกำไรได้ก็พอครับ  เพราะถ้ามีแต่ VI ไม่มี VS เวลาเราคงจะซื้อหุ้น PCALL ก็คงไม่มีใครขายเป็นแน่  หรือถ้าจะขายหุ้น TREU คงไม่มีคนอยากซื้อเป็นแน่  ดังนั้นการมีทุกๆคนทุกๆประเภททำให้เราซื้อขายหุ้นได้เป็นปกติ  และทำให้มี abnormal เกิดขึ้นมากมาย  เพราะถ้าตลาดมีประสิทธิภาพ 100% เราก็คงไม่ต้องเลือกหุ้นกันแล้วครับ  หลับตาจิ้มไปเลย  เพราะราคามันสมเหตุสมผลทุกตัว

ด้วยปรัชญาการลงทุนที่แตกต่างกันไม่ว่าจะ "ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ"  "ถัวเฉลี่ยขาลง"  "ทุกอย่างมันบอกผ่านกราฟอยู่แล้ว"  "สุดท้ายราคาจะวิ่งถึงพื้นฐานเสมอ"  หรืออะไรก็ตาม  ผมเชื่อว่ามันคือ natural selection อะไรที่มันไม่ดีหรือไม่ work สุดท้ายศาสตร์นั้นจะตายไปเอง  แต่การที่มันยังอยู่ได้คงเพราะมันมีข้อดีของมันในตัว  เทพกระบี่ผู้มาใช้ทวนคงเป็นแค่นักรบฝึกหัด  แต่ถ้าจะมาเถียงว่ากระบี่หรือทวนดีกว่าคงน่าขำที่จะถกเถียง  เพราะมันก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง  หรือจะเป็นเทพกระบี่ที่พกทวนไปด้วยก็แล้วแต่ครับ  อย่างที่บอกน่ะแหละ  อะไรก็ได้ที่ทำกำไรได้


คนอยากรวยคิดว่าปีหน้าจะเริ่มเดินทาง 50 ปี  ชวนอีกทีว่า  มาเดินไปพร้อมๆกันมั๊ยครับ  แต่ห้ามขาดทุนนะ !!!




p.s. บทความนี้คนอยากรวยได้แรงบันดาลใจมาจาก VI ระดับปรมาจารย์คือ ดร. นิเวศน์ครับ