อยากรวยกันไหมครับ
โหยยยยยยยยยย ใครตอบว่าไม่อยากก็บ้าแล้วล่ะครับ ใครๆก็อยากรวยกันทั้งนั้น
เพราะเราต้องทำงานเพื่อหาเงินเอาไปเลี้ยงปากท้องตัวเอง เอาไปทำให้ตัวเองสบายและมีความสุข ทั้งซื้อรถ ซื้อมือถือ ซื้อบ้านหลังใหญ่ๆหรูๆ และหาเงินเพื่อเลี้ยงคนข้างหลังอย่างพ่อแม่ และเลี้ยงคนข้างหน้าอย่างลูกๆด้วยครับ
ทำให้ในปัจจุบันคนเราทำงานเพื่อเงิน น้อยคนที่จะมีความสุขกับการทำงาน เชื่อได้ว่าถ้าหลายคนเกิดมาพร้อมเงินหลายสิบล้าน คงไม่ทำงานที่ตัวเองทำกันงกๆอย่างตอนนี้แน่ๆ
ถ้ามีวันนั้นคนที่อยากเป็นหมอก็จะเป็นเพราะอยากรักษาคน คนที่เป็นครูก็เป็นเพราะอยากสอนคน คนที่เป็นตำรวจก็เป็นเพราะอยากพิทักษ์สันติราษฏร์จริงๆ ดูโลกมีความสุขไหมล่ะครับ ทำงานโดยไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับเงิน แต่ในความเป็นจริงคงทำไม่ได้ทุกคนอย่างนั้นแน่นอนครับ โลกมันไม่ได้เลิศหรูกันขนาดนั้น มีคนรวยมันก็ต้องมีคนจน แต่อย่างน้อยอย่างที่เคยเล่าว่าคนที่รวยเละเทะ ส่วนมากจะมีการตอบแทนให้สังคมหรือ CSR ครับ อาจจะมูลนิธิอะไรก็ว่ากันไป
ดูมีความสุขไหมล่ะครับ แค่เรามีเงินมากๆขนาดใช้ชีวิตได้อย่างสบายทั้งตัวเราเองและคนรอบข้าง อย่างน้อยตีวงแคบแค่ในขอบเขตของเราและครอบครัวก็มีความสุขแล้ว ถ้ารวยมากกว่านี้ก็สามารถตอบแทนสู่สังคมได้(หรือจะไม่ตอบแทนก็ว่ากันไปนะครับ อิอิ)
แล้วอยากรวยขนาดนั้นทำอย่างไรล่ะ คำตอบก็ต้อง"ลงทุน"ตามเรื่อง time value of money นั่นแหละครับ
แล้วจะลงทุนในอะไรดีล่ะ ให้ไปทำสาหร่ายทอด, ทำ microsoft, ทำ FB หรืออะไรถึงจะรวย อันนี้คนอยากรวยก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะถ้ารู้ก็คงทำไปก่อนแล้ว
แต่ประเด็นที่คนอยากรวยจะนำเสนอคือการลงทุนในเวลาครับ
คือที่มาของตอน "การเดินทาง 50 ปี" นั่นเอง
ลงทุนในเวลาอย่างไร วิธีง่ายๆครับ แค่เริ่มต้นด้วยเงินสัก 1 ล้าน แล้วหาอะไรที่ผลตอบแทน 15% ให้ได้ทุกปี ผ่านไป 50ปี(จริงๆ 51ปี) เงินต้นเราก็จะกลายเป็น 1,000 ล้านโดยที่ไม่ต้องเติมเงินลงไปแม้แต่บาทเดียวครับ !!!
วิเศษมั๊ยล่ะครับ สำหรับเราๆท่านๆผมเชื่อว่าแค่ 10 หลักก็พอที่จะให้ตัวเองและครอบครัวสบายแล้วครับ
แต่อะไรล่ะที่จะให้ผลตอบแทน 15% ต่อปีได้ กวาดสายตาหาทั้งแผ่นดินก็คงจะมีแต่หุ้นนี่แหละครับ หุ้นวันนึงแกว่งขึ้นลงบางทีมากกว่า 5% ซะอีก ดังนั้นขอแค่เราทำให้ได้ 15% ภายใน 1 ปีก็วิเศษมากแล้วครับ ยิ่งถ้าเราเติมเงินไปอีก พอร์ตเราจะเดินทางเร็วขึ้น
คือปกติ 15% เราจะได้ double time หรือ 1 เท่าตัวทุกๆ 5 ปี(โดยประมาณ) แต่ถ้าเราใส่เงินจำนวนเท่าๆเดิมลงไปเราจะได้ 20 เท่า(ของเงินปีแรกที่ใส่ลงไป)ใน 10 ปี และจะได้ 100 เท่าใน 20 ปี และจะได้ 1,000 เท่าใน 36 ปีครับ
การเดินทาง 50 ปี สู่เส้นทาง 1,000 ล้านนี้ เราอาจจะไม่ต้องใช้เวลา 50 ปีจริงๆก็ได้ครับ สมมติว่าเราได้ 15% ใน 3 เดือน ก็ถือว่าเราประหยัดเวลาไป 9 เดือนจากที่เราตั้งเป้าไว้ 1 ปีแล้วครับ ยิ่งถ้าเกิดโชคดีเราได้ 1 เด้ง ก็ประหยัดเวลาไป 5 ปีเลยครับ
เพียงแต่ข้อควรระวังคือ การเดินทาง 50 ปี ไม่ได้เว้นช่องว่างให้การขาดทุนนะครับ ขาดทุน 15% ทีนึง มันจะไม่ใช่เสียเวลาแค่ 1 ปี การจะกลับไปให้ได้เท่าเดิมจะต้องใช้ถึง 17.6%(ยังไม่รวมค่าคอม)หรือปีกว่าเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าเราเล่นแบบพนันว่ามันน่าจะได้ยังงี้ไม่ดีแน่นอน เพราะถ้าได้ 15% เสีย 15% เราจะขาดทุนและไม่มีวันเดินทางถึงจุดหมายได้ครับ เราจึงต้องเล่นตัวที่เรามั่นใจว่ามันจะได้จริงๆ อย่างน้อยมันอาจจะขาดทุนชั่วคราว แต่มันจะไม่ขาดทุนถาวรและจะกลับมาได้มากกว่าเดิมเมื่อเวลามาถึงครับ(เราต้องมั่นใจจริงๆนะครับขอย้ำ)
**** การเดินทาง 50 ปี ไม่เว้นช่องว่างให้การขาดทุนครับ ****(แต่ขายหมูได้ตามสบาย)
สรุปจากการลงตลาดมาเกือบ 3 เดือน ประมาณทุนนี่แหละครับ รวมๆแล้วมีกำไรนิดหน่อย ตัว BLA และ SCBLIF นี่วิเคราะห์ค่อนข้างดีแล้ว SiS ก็ค่อนข้างมั่นใจและศึกษามาดีเช่นกัน แต่ SNC นี่น้อยหน่อย และคิดว่าอาจจะขายทิ้งเพราะไม่เข้าใจดีนักครับ(อย่าลืมนะครับ อย่า bet อย่า buy and pray) ส่วน RML นี่ cut loss ครั้งแรกในชีวิตไปแล้วครับ ไม่ใช่ตัวนี้ไม่ดีนะครับ แต่ซื้อเพราะไม่เข้าใจอะไรเลย ลงไปก็ไม่กล้าซื้อครับ ต่อให้ลงไปที่ 1 บาทก็ไม่กล้าซื้อ แต่ถ้าเป็น BLA ที่ 20 หรือ SCBLIF ที่ 350 บาทคงกู้หมดบ้านมาเล่นนะครับ เพราะรู้ว่ามันควรจะอยู่ตรงไหนเมื่อไหร่
ก็ค่อยเติบโตขึ้นและเข้าใจอะไรมากขึ้นตามแนวทางเม่ามือใหม่ และเชื่อว่าหลายๆคนที่เข้ามาใหม่คงคันไม้คันมืออยากซื้อไอ้โน่นไอ้นี่ไปหมด เข้าใจอะไรก็ไม่ค่อยเข้าใจ อธิบายธุรกิจหรือซื้อเพราะอะไรก็ไม่ได้ ภาพในอนาคตก็ไม่เห็น อย่าง BLA, SCBLIF หรือ SiS นี่คนอยากรวยนั่งเขียนตัวเลขคร่าวๆให้ดูได้เลยนะครับ ว่ามันจะอะไรอย่างไรเท่าไหร่บ้าง
คนอยากรวยว่าเข้ามาใหม่ๆมันจะสงสัยอะไรเต็มไปหมด(อย่างตอนนี้คนอยากรวยยังสงสัยแนวทางตัวเองอยู่เลย) อย่าง VI กว่าจะเป็น JOB นั้นได้ต้อง Lv สูงพอสมควร ไม่ใช่เม่ามือใหม่อานหนังสือตีกระจายหรือของปู่บัฟ แล้วจะลงสนามจริงใช้ได้เลย บางทีมันต้องลองผิดลองถูกกันหน่อย
เพราะเราอาจจะแค่คิดว่าเลือกตัว ซื้อ ถือยาว ปิดคอม เปิดมาอีกทีราคาลงไปครึ่งนึง เราจะมั่นใจเหมือนในตำราไหมครับว่ามันจะดีดมา 3-4 เท่า เอาแค่ราคาตกไป 10% คนอยากรวยก็เริ่มคิดแล้วครับ
คนอยากรวยว่ายากนะครับที่มือใหม่จะรู้และมั่นใจบริษัทจริงๆ เพราะอ่านไปนิดนึงก็ลงมาเล่นแล้ว ถ้าหุ้นขึ้นก็โชคดีไป แต่ถ้าหุ้นตกสุดท้ายก็เจ็บตัว ออกจากตลาดไปเอง ก็ไม่เป็นไรครับ ค่าครูมันก็ต้องมีบ้าง แต่อย่าให้บ่อยและกันครับ อย่าลืมแผนการเดินทางเรานะครับ จ่ายค่าครูมากระวังจะไม่ได้เดินทางเน้อ ^^
สุดท้ายคนอยากรวยว่าจะเป็น VS, VI หรือ trend follower หรืออะไรไม่สำคัญเลยครับ ขอแค่ทำกำไรได้ก็พอครับ เพราะถ้ามีแต่ VI ไม่มี VS เวลาเราคงจะซื้อหุ้น PCALL ก็คงไม่มีใครขายเป็นแน่ หรือถ้าจะขายหุ้น TREU คงไม่มีคนอยากซื้อเป็นแน่ ดังนั้นการมีทุกๆคนทุกๆประเภททำให้เราซื้อขายหุ้นได้เป็นปกติ และทำให้มี abnormal เกิดขึ้นมากมาย เพราะถ้าตลาดมีประสิทธิภาพ 100% เราก็คงไม่ต้องเลือกหุ้นกันแล้วครับ หลับตาจิ้มไปเลย เพราะราคามันสมเหตุสมผลทุกตัว
ด้วยปรัชญาการลงทุนที่แตกต่างกันไม่ว่าจะ "ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ" "ถัวเฉลี่ยขาลง" "ทุกอย่างมันบอกผ่านกราฟอยู่แล้ว" "สุดท้ายราคาจะวิ่งถึงพื้นฐานเสมอ" หรืออะไรก็ตาม ผมเชื่อว่ามันคือ natural selection อะไรที่มันไม่ดีหรือไม่ work สุดท้ายศาสตร์นั้นจะตายไปเอง แต่การที่มันยังอยู่ได้คงเพราะมันมีข้อดีของมันในตัว เทพกระบี่ผู้มาใช้ทวนคงเป็นแค่นักรบฝึกหัด แต่ถ้าจะมาเถียงว่ากระบี่หรือทวนดีกว่าคงน่าขำที่จะถกเถียง เพราะมันก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง หรือจะเป็นเทพกระบี่ที่พกทวนไปด้วยก็แล้วแต่ครับ อย่างที่บอกน่ะแหละ อะไรก็ได้ที่ทำกำไรได้
คนอยากรวยคิดว่าปีหน้าจะเริ่มเดินทาง 50 ปี ชวนอีกทีว่า มาเดินไปพร้อมๆกันมั๊ยครับ แต่ห้ามขาดทุนนะ !!!
p.s. บทความนี้คนอยากรวยได้แรงบันดาลใจมาจาก VI ระดับปรมาจารย์คือ ดร. นิเวศน์ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น