วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

เมื่อคนอยากรวยเลือกหุ้นประกันชีวิต : BLA

BLA หรือกรุงเทพประกันชีวิต  เป็นหุ้นน้องใหม่ที่เข้าตลาดได้ไม่กี่ปี  แต่ตัวธุรกิจจริงผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่ได้น้อยกว่าประกันตัวอื่นเลย
หุ้นตัวนี้ IPO มาที่ปลายปี 52 ด้วยราคาประมาณ 15 บาท  จากนั้นก็โตอย่างรวดเร็วมาจนถึงราคา 60 บาทภายใน 2 ปี  แน่นอนว่าหุ้นประกันชีวิตคือ growth stock แต่ growth ในระดับที่มากเกินไปย่อมไม่ยั่งยืน  ราคาก็ร่วงกลับมาแตะที่ 40 บาทแบบในที่ๆมันควรจะเป็น  จากนั้นก็โดนเรื่องตั้งสำรองสูงเกินไปทำให้กำไรไม่ release ออกมาครับ  ทำให้ราคายังไม่ไปไหน  จนถึงตอนนี้ก็ราคาราวๆ 45 บาท  ซึ่งผมถือว่าเป็นราคาตรงนี้ค่อนข้างจะ fair value เลยทีเดียว

โดยส่วนตัวถือว่าโชคดีที่เข้ามาในหุ้นประกันชีวิตในช่วงที่โดนวิกฤตทั้ง 2 ตัว(ในขณะที่ตัวอื่นกำลังทะยานฟ้า  และ set ขึ้นมา 3 เท่าจาก 400->1,200)  ไม่งั้นหากคนอยากรวยได้เข้ามาก่อนหน้านี้สัก1-2 ปี  อาจจะได้ถือฟรีอีก 1 ปี


โดยส่วนตัวหาก BLA กลับไปที่ 60 บาทเดิมได้  จะได้กำไรถึง 33% เลยทีเดียว  ซึ่งไม่น่าพลาดครับหุ้นตัวนี้ ^^


[[[Review BLA]]]
เชิงปริมาณ
1. BLA มีทรัพย์สิน 110,000ล้าน  มีทรัพย์สินลงทุน 107,000ล้าน  ROI ประมาณ 5.3% ในรอบ 6-7ปีหลังมีแค่ปีเดียวเท่านั้นที่ ROI น้อยกว่า 5%คือ 4.9%  ซึ่งคิดว่า ROI ไม่น่าจะน้อยกว่า 5%  คิด 5%ก็ค่อนข้าง conservative แล้ว  หรือจะคิด 5.3% เลยก็ได้ครับ

2. BLA มี FYP ประมาณ 8,300m, RYP 23,000m TP จึงออกมาที่ 31,000m  ซึ่งคาดว่า FYP โต 10% พอไหว  จาก 2 เดือนแรกเบี้ยรับรวม BLA โตแค่ 15% ครับ  ในขณะที่เจ้าอื่นเค้า 20-30% กันทั้งนั้น(เดี๋ยวเอาไว้ค่อนบ่นต่อครับ  เฮ้อออออ)  ซึ่งคาดว่า FYP น่าจะได้ 9,130m และ RYP คือ 85%ของ TP จะได้ 26,350 ครับ  รวมกันจะได้ TP ราวๆ 35,000 ครับ

3. ค่าใช้จ่ายตรงนี้ของ BLA ต้องยอมรับว่าทำได้ดีมากๆครับ  จริงๆรายจ่ายต่างของเครือนี้ทำได้ดีมากอยู่แล้วครับ  พวกรายจ่ายต่างๆนี่แทบจะน้อยที่สุดในอุตสาหกรรมเลยครับ  รวมๆอยู่ที่ราวๆ 35% TP เท่านั้นเองครับ  แจงรายละเอียดได้ดังนี้
- กรมธรรม์จ่ายคืน  จะอยู่ราวๆ 20% TP หรือ7,000m ครับ
- ค่าสินไหม  BLA จ่ายราวๆ 1,500m มา 2ปีแล้วครับ  คาดว่าถ้าไม่มีอุบัติภัยหมู่หรือโรคระบาดขนาดใหญ่  อัตราค่านี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากครับเพราะคำนวณจากสถิติ  คาดว่า 1,600m "เอาอยู่"ครับ
- ค่าจ้างกรรมการ  ปีที่แล้วอยู่ที่ 2,4XX ปีนี้ปัดให้กลมๆเลยครับ  3,000m ซึ่งถ้าเกินมากไปเอาไปถัวกับค่าสินไหมเผื่อเกินก็ได้ครับ  หยวนๆน่า ^^
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน  ปกติอยู่ที่ 3.x%ปลายๆครับ  ปีที่แล้วก็ 1,250m  ปีนี้ให้1,400m เลยครับ
- ค่าใช้จ่ายการขาย  เดิมราวๆ 320m  ปีนี้ปัดกลมๆเลยครับ 400m
รวมค่าใช้จ่ายราวๆ 7,000+1,600+3,000+1,250+400 = 13,250 m ครับ

4. เอา TP มาหักค่าใช้จ่ายต่างๆ  ได้เงินไปลงทุน 21,750 ครับ  นำไปหาร 2 เช่นเคย(รายละเอียดลองไปดูใน SCBLIF นะครับ)  จะได้เงินมาลงทุนเพิ่มอีกราวๆ 10,875 ครับ
รวมเงินลงทุน 107,000+10,875 = 117,875 ครับ

5. คิด ROI 5.3%(5% ก็ได้นะครับ  ถ้าจะ conservative หน่อย) จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน 117,875 x
5.3% = 6247.375m ครับ(ถ้าคิด 5% จะอยู่ที่ราวๆ 5,900m ครับ)

6. แต่เผอิญตัวนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เท่ากับกำไรน่ะสิครับ

ย้อนรอยสักนิดจะพบว่า  กำไร = (TP + ผลตอบแทนจากการลงทุน) - (ตั้งสำรอง + ค่าใช้จ่าย)
ซึ่ง SCBLIF ตรงส่วนของตั้งสำรอง + ค่าใช้จ่ายเค้าเท่ากับ TP เลย  แต่ BLA ไม่ได้ smooth กำไรขนาดนั้นครับ

ขอติดเรื่องกำไรไว้ก่อน  เรามาดูตั้งสำรองของ BLA ดีกว่าครับ
ปกติการตั้งสำรองของประกันชีวิต  จะพิเศษตรงที่นำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 60%(ก็เลยใส่สำรองกันเต็มตีนเลยว่างั้นเถอะ)  โดยประกันแบบ endowment จำเป็นต้องตั้งสำรองสูง(เพราะเราต้องจ่ายคืนเค้า)  ส่วนแบบอื่นๆจำตั้งสำรองไม่สูงครับ
ถ้าจำไม่ผิด  แบบ endowment ของ BLA จะอยู่ที่ 65% และแบบอื่นจะอยู่ที่ราวๆ 40%  พอมาเฉลี่ยกันต้องยอมรับว่าแบบ endowment มันเยอะจริงๆ  ประมาณ 70%+ เลยทีเดียว  ทำให้ตั้งสำรองของ BLA ออกมาที่ 61-62%(ส่วนเกินจาก 60% ถือว่าเสียภาษีฟรีๆ)  แต่ปีที่แล้วที่เป็นเรื่องเป็นราวกันมากคือตั้งสำรองไตรมาสสุดท้าย 78% !!! ทำให้ทั้งปีออกมาตั้งสำรองเฉลี่ยถึง 65%(จากที่คาดการณ์กันแค่ราวๆ 60%)  ซึ่งผู้บริหารบอกว่าที่ต้องตั้งสำรองเยอะเพราะขายประกันแบบ endowment ไปเยอะมากครับ(แล้วที่อื่นไม่ขายหรืองัยฟระ !!!)
ไอ้ 5% มันจะมีผลอะไรมากมายใช่ไหมครับ  มีแน่นอนครับ  เพราะมันคือ 5% ของTP หรือราวๆ 30,000m คิดออกมาเป็นเงินก็๋คือกำไรหายไปถึง 1,500m ครับ(คิดเป็น EPS เนี่ยเป็นบาทเลยนะครับ)  ซึ่งแน่นอนว่าถ้าตั้งยังงี้ในปีหลังๆ EPS จะหายไปมากขึ้น(เพราะ TP เพิ่มขึ้น)  อย่างปีนี้เราประมาณ TP ไว้ 35,000m ถ้า 5% ก็ 1,750m  เป็นกำไรต่อหุ้นเท่าไรลองคิดดูนะครับ
ถึงแม้ว่าตั้งสำรองจะไม่ใช่ค่าใช้จ่ายจริงๆ(แถมเอาไปลงทุนได้ด้วยนะ)  แต่เราก็อยากเห็น EPS เยอะๆมากกว่าใช่ไหมครับ  และส่วนที่เกินมาจาก 60% ก็ต้องไปเสียภาษีทำให้ EPS ออกมาน้อยลงไปอีก  เรียกว่า 2 เด้งครับ

ซึ่งตัวนี้ต้องวัดใจหน่อยล่ะครับว่าจะตั้งสำรองเท่าไรดี  เราไม่เสี่ยง  คิดมันตั้งแต่ 60%-65% เลยครับ(เกินกว่านี้ถือว่าทำบุญมาน้อยละกันนะครับ)  ก็ 60%-65% ของ 35,000m = 21,000m-22,750m ครับ


ดังนั้นกำไรจะอยู่ที่
(35,000+6,247.375) - ([21,000-22,750]+13,250) = 5247.375-6,997.375
หักภาษี 23% -> 4,040.5-5,388 หรือ EPS 3.36-4.49

ว้าวววววววววววว~วว  ขนาดตั้งสำรองมหาโหด  ยังได้ EPS 3.36 ไม่เลวเลยใช่มั๊ยล่ะครับ(ปีที่แล้ว EPS 2.85)
แต่เตือนสตินิดนึงว่า  นี่คิดจาก ROI 5.3% นะครับ  ถ้า ROI ได้ 5% ล่ะก็ EPS จะเหลือราวๆ 3.13 ครับ


เชิงคุณภาพ
1. BLA มีการจัดการภายในที่ค่อนข้างดีถึงดีมาก  ค่าใช้จ่ายต่างๆถูกควบคุมให้อยู่แค่ประมาณ 3X% กลางๆค่อนๆปลายครับ  และ BLA ยังทำ ROI ได้ค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับ SCBLIF  เพราะถ้าเงินลงทุนเท่าๆกัน  ที่ ROI 4.5% กับ 5.3% จะได้ผลตอบแทนต่างกันถึง 17% ครับ !!!

2. BLA พยายามเน้นขาย non-endowment มากขึ้น  ซึ่งจะทำให้ตั้งสำรองลดลง  และกำไรจริงๆจะเพิ่มขึ้นด้วย(เพราะแบบไม่ออมทรัพย์เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืน)  ซึ่งก็เห็นว่า BLA ทำได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นจริงๆ  แต่จะไปรอดหรือเปล่าต้องมาดูกันครับ
โดยส่วนตัวมองว่าการพยายามพลักดันการขายแบบ non-endowment มากขึ้นนั้น  อาจจะทำให้รายได้"ไม่โต"เท่าบริษัทอื่นๆ(ใช้คำว่าไม่โตนะครับ  คือเพิ่มแน่นอน  แต่อาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับ SCBLIF หรือที่อื่นๆ)  แต่ในระยะยาวสักหน่อย  กำไรจะเป็นเนื้อเป็นหนังมากขึ้นครับ  เพราะไม่ต้องจ่ายเงินตามกรมธรรม์เพิ่มขึ้นมาก  แต่กว่าวันนั้นจะมาถึง  อาจจะนานหน่อยนะครับ  จะรักก็ต้องรอหน่อยนะครับตัวนี้

3. BLA ตั้งเป้าหมายค่อนข้าง conservative คืออาจจะดูไม่เวอร์  แต่ให้มาก็มักจำทำได้  เช่นเบี้ยปีนี้คาดว่าจะโต 12% ก็ลองมาดูกันครับ(แต่อุตสาหกรรมเค้าหวัง 15% เลยนะครับพี่โชน)

4. BLA เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากเกือบจะที่สุดของโสภณพานิชย์  เชื่อว่าเค้าต้องพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดครับ(แต่อาจจะมีเล่นรอบบ้างนะเม่าทั้งหลาย)



สรุป  รายได้จากการลงทุนน่าจะได้ 6,000m(มีลุ้นเลข 7 แต่ไม่มากหรอกนะ  ส่วนตัวคิดว่าราวๆเลข 6 กลางๆ)  แต่ตั้งสำรองขอบอกว่าคาดเดาไม่ได้  จากการคำนวณคร่าวๆ 3.36-4.5 ก็ไม่น่าหลุดเช่นกัน(ถ้าหลุดส่วนตัวมองว่าจะหลุดขึ้นมากกว่าหลุดลง)  แต่ก็ขอคิด conservative ไว้ก่อนที่สำรอง 65%


ปีนี้ EPS น่าจะ 3 ปลายๆ  และตลาดก็น่าจะตอบสนองด้วยราคาที่ 5X กลางๆค่อนต่ำครับ




เดี๋ยวต้นปีหน้า  มาดูกันอีกทีกับคำทำนายนี้ครับ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น