วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ความผิดพลาดในรอบปี

คนอยากรวยเอามา analysis ละเอียดคร่าวๆเลยดีกว่า  จะได้รู้ว่าซื้อกี่ตัว  ตัวไหนเป็นอย่างไร

จะให้เกรดด้วยนะ  คริคริ


1. BLA : เกรด C
ตัวนี้เป็น"หุ้นตัวแรกในชีวิต"ที่ซื้อ  เพราะคิดว่าประกันชีวิตโตเยอะแน่ๆ  และรู้ว่ามีปัญหา"ชั่วคราว"คือสำรองสูง  และคิดว่าน่าจะคลี่คลายได้ดี
แต่สุดท้ายคิดผิด  เพราะสำรองลดช้ากวาที่คิด  และต้องหดเบี้ย  ทำให้ FP ติดลบ  รู้สึก Q4-55 TP ติดลบด้วยซ้ำ

การฟื้นตัวยังมองเห็นไม่ชัดเจน  โชคดีที่ไม่ขาดทุนครับ(แต่ก็ไม่กำไร)

ต่อให้ราคาขึ้น  ผมก็ไม่คิดว่าผมคิดถูกครับ  เพราะสุดท้ายกำไรออกมาน้อยกว่าที่ผมคิดอีก  ตัวนี้ผมบอกตัวเองเลยว่า"ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้  ก็ขายเหมือนเดิมครับ"  ไม่เสียใจที่ขายครับ

ตัวนี้ผมว่าผมเข้าใจธุรกิจคร่าวๆ  แต่อ่านไม่ขาดครับ

แต่อนาคตอาจจะกลับไปซื้ออีกก็ได้  ถ้าโอกาสเอื้ออำนวยครับ

p.s. ตัวนี้ผมมองว่าโอกาสฟื้นสูงมากครับ 80-90% เลย  แต่"เมื่อไหร่"คือคำถาม



2. SCBLIF : เกรด A
ตัวนี้เป็นหุ้นตัวที่ 2 ในชีวิต  เพราะจะทำ pair trade กับ BLA  ตอนนั้นชอบประกันชีวิตมากๆๆๆๆๆ
เข้าซื้อตอน 500 ขายหมูไปตอน 630 และกลับมาซื้อใหม่ตอน 700

ถ้ารวมปันผลคือหุ้นเด้งตัวนึงในชีวิตผมเลย  ตัวนี้ผมแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น delist แล้วเสี่ยงซื้อไป  เพราะตอนนั้นมันคิด F PE ได้ 10 เอง

เรียกว่าตอนนั้นรู้ไม่เยอะ  แต่ดีที่ซื้อถูกตัว  และถูกเวลา  ที่สำคัญคือผม"คิดถูก"



3. RML : เกรด F
ตัวนี้เป็นตัวที่ผม"ศึกษา"น้อยมาก  ซื้อเพราะบอกเลยว่า bet  สุดท้ายแจก W แล้วราคารูดลงไปเกือบ 30%  จากทุน 1.8 ลงไป 1.4 แล้วดีดกลับนอนที่ 1.5-1.6 นานมาก  พอคิดว่าตัวเองไม่รู้จริงเลยตัดสินใจ"ขาย"

ตัวนี้ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดี  แต่เพราะผมไม่เข้าใจ  การให้เกรดผมจะอิงกับความคิด  มุมมองว่ามองถูกหรือเปล่า

ด้วยมุมมองแบบนี้  ขาดทุนแบบนี้  ผมให้ตัวเองมองผิดครับ  และขาดทุนตามระเบียบ

หลังจากตัวนี้ผมสาบานกับตัวเองว่า  จะไม่มีหุ้นที่ไม่อ่านก่อนซื้ออีกแล้ว !!!!


4. SNC : เกรด C
ตัวนี้ผมดูการเติบโตและ ratio ดีมาก  ไปอ่านในห้อง TVI มีคนโพสต์เยอะที่สุด  การเติบโตสูง  ดี  แถม ผบห ซื้อสัตย์  ขยัน  มองกันไป 3 หลักเลยทีเดียว

ก็โอเคครับ  ซื้อแล้วก็ทนดูราคามันขยับ 5-10% กำไรขาดทุนขำๆ  แต่ปันผลพอสมควรเลยทีเดียว

ตัวนี้ผมเข้าใจธุรกิจเพียงผิวเผิน  แต่มุมมองค่อนข้างเข้าใจ

โดยรวมถือว่าเข้าใจว่ามัน"ยังไม่ดี"  เลยชิงขายหนีแบบมั่วๆ

สรุปโชคดีมากที่กำไรราวๆ 10-20%  และปันผลอีก 4%  หลังจากขายงบออกมาไม่ดี  ร่วงไป 20%  อันนี้ฟลุคแบบไม่ inside ครับ



5. HTECH : เกรด D
ตัวนี้ผมดู ratio ดี  ผบห เก่ง  การเติบโตสูง  มาแนวกับ SNC เลยครับ

และเหมือนเดิมคือผมเข้าใจธุรกิจเพียงผิวเผิน  แต่มุมมองค่อนข้างเข้าใจ(ลอกประโยคบนมาเป๊ะๆ)

แต่ตัวนี้ผม discount grade มาเหลือ D เพราะผมยังแอบมั่นใจว่ามันดี  โดยอาศัย ratio ว่ามันเคยทำได้ 0.15 บาท/q มา 2Q ก็เลยคิดว่า Q3 น่าจะทำได้อีก

ตัวนี้ผมขายแบบมีนอกมีในก่อนงบออกครับ  พูดตรงๆก็คือ"งบหลุด"  โดยจากที่ผมกะไว้ 10-15 ตัง  รู้สึกเพื่อนจะบอกมา 7 หรือ 8 ตังนี่แหละครับ


โอ้  เชื่อไว้ก็ไม่เสียหายครับ
งบดีก็แค่หมู  งบเหี้ยนี่ตายครับ  ก็เลยขายและงบก็ออกมาตามที่เพื่อนบอกครับ  ดับอนาถมาก

ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับตัวนี้อีกเลยจน Q4 งบออกมาขาดทุนซ้ำอีก = ="

รู้สึกโชคดีครับ  แม้จะใช้ศาสตร์มืดบ้างก็ตาม


6. SIS : เกรด C
ตัวนี้มาแนว ratio ดีอีกแล้วครับ  แต่ไม่ใช่หุ้นโรงงาน

และมาแนวว่าเกิดปัญหา"ชั่วคราว"คือน้ำท่วม

ตัวนี้คนอยากรวยมองธุรกิจ  กิจการ  เข้าใจถูกหมด  แต่ที่ผิดคือ
- ปัญหาที่โดนน้ำท่วมยังแก้ไม่หมดดี
*** - มองภาพใหญ่อุตสาหกรรมผิด  เพราะสินค้า IT พวก PC และ notebook drop ลงมาก ***


พองบออกมาฟาดหน้าว่าคนอยากรวยคิดผิด  และอุตสาหกรรมมันหดตัว  ก็ขายทิ้งราคาเปิดทันที  โชคดีที่มันลงไปต่ออีกมาก
โดยรวมตัวนี้"ขาดทุน"มากที่สุด  เทียบกับขนาดพอร์ทตอนนั้นนน่าจะ 5-6% เลยทีเดียว

แต่โดยรวมคิดว่าตัวเองมองภาพธุรกิจไม่ขาดแค่นั้นเอง

เป็นที่มาที่ทำให้คนอยากรวย"เข้าใจ"ตัวเร่ง  ว่าถ้าจะซื้อหุ้น turn around รอ"ตัวเร่ง"ก่อน  อย่ารีบเข้าไปเดี๋ยวเงินจม
ต้องขอบคุณเหมือนกัน  ถ้าไม่มีตัวนี้  คนอยากรวยคงไม่เข้าใจตัวเร่ง



7. JUBILE : เกรด A
จะเห็นว่า 6 ตัวก่อนหน้า  ถูกจังๆแค่ตัวเดียวคือ SCBLIF นอกนั้นเน่าหมด  ดีที่ตลาดดี  ไม่งั้นขาดทุนอ๊วก(แม้จะไม่กำไรเท่าคนอื่นก็ตาม)  ดังนั้นใครจะลอกตามคนอยากรวยคิดดีๆ  เม่าก็คือเม่า 555+

ตัวนี้คนอยากรวยก็เลือกเองอีก  ถือว่า"คิดถูก"  และโชคดีที่"ตัวเร่ง"มา

ตัวนี้จริงคนอยากรวยมองว่าคือว่าที่ winner stock เลยนะ  คือจริงๆมันดีอย่างนี้มานานแล้ว  และจะดีอย่างนี้ต่อไปอีกนาน  ถ้าไม่เกิด economic crisis ซะก่อน  เพราะเพชรแบบ"ค้าปลีก"ยังไม่มีเจ้าตลาด  และ JUBILE คือผู้นำ  และการโตมาถูกทางมากๆ  แบรนด์แข็งแกร่งเรื่อยๆ

ที่อื่นไม่กล้าพูด  แต่ใน blog ตัวเองคิดว่ามันคือผุ้ชนะในวงการเพชรในอีก 4-5 ปีข้างหน้า  ทุกคนจะรู้จักยี่ห้อแบรนด์ JUBILE  แต่ตอนนี้คนยังคิดว่ามันไม่ใช่ modern trade หรือไม่ก็รอความสำเร็จจริงๆของมันอยู่ !!!

ตัวนี้ทำ century break ตัวแรกในชีวิตโดยถือมาไม่น่าเกิน 2 เดือน  แต่ทำตอนเค้าปั่นกันแตะแปบเดียว  ยังไม่ทันเห็น +100% ก็ลงมาซะก่อน(เสียใจนะเนี่ย)  แถมมีน้อยที่สุดในพอร์ท  กำไรเยอะจริงแต่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

และคนอยากรวยก็แอบซื้อตามทางอีกตอนร่วงๆ  เพราะเค้าทำได้"ดี"ตามที่ควรจะเป็น

โตไม่มากไม่หวือหวา  แต่ 20-30% ต่อปีอีกนาน  PE สูงแต่เทียบกับ modern trade อื่นๆยังจิ๊บๆ

ตัวนี้ลืมเขียนลง blog  555+


8. HMPRO : เกรด B
หุ้น super stock 1 ใน 2 ตัว  ตัวนี้ยอมรับว่ากัดฟันซื้อตอนมันนิ่งๆนี่แหละ
คุยกับอาจารย์อาจารย์ก็บอก  ผมก็เก็บเหมือนกัน(แอบดีใจ)
แถมยังสอนบทเรียนใหม่คือ  "หุ้นพวกนี้มันไม่ floor หรอกครับ  เพราะคนรู้ว่ามันดี  ลงเยอะก็มีคนเก็บ"

ตัวนี้คงไม่ได้ให้คะแนนตัวเองสูงมาก  เพราะหุ้นมันชัดมากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  แค่ไปเก็บตอนไม่มีคนพูดถึง  ตัวนี้โตเรื่อยๆอีกนาน

กำไรพอใช้ได้  แต่มีน้อย  เลยต้องขายหมูไปรับตัวอื่นเดี๋ยวเล่าอีกที

แต่อย่างน้อยก็เข้าใจภาพธุรกิจ modern trade มากขึ้น


9. INTUCH : เกรด B
ตอนนั้นรุ้สึกทนไม่ไหวกับ BLA เลยทยอยขายออก  และ BLA มันเยอะมากๆๆๆๆๆๆ  จนไม่รู้จะหาตัวไหนลง  ก็เลยมาลงที่ safe heaven คือ intuch  เพราะคิดวาเอาไว้ฝากเงิน  อย่างน้อยน่าจะกำไรกว่าฝากธนาคาร  เผลอๆจะได้เงินก้อนใหญ่  อิอิ  เก็บจนมากที่สุดในพอร์ทเพราะไม่รู้จะซื้อตัวไหน

สุดท้ายมันก็นิ่งอยู่ 6 เดือน  ราคาขึ้นๆลงๆอยู่นั่นแหละ

ในที่สุดก็ขายออกจนหมด  กำไรราวๆ 4-5%  ก็ไม่เยอะ  แต่ถือว่ามันก็ทำตามหน้าที่ของมันคือ"รับฝากเงิน"(จริงแอบหวังอย่างอื่นด้วย  แต่ไม่ได้ของแถมก็ไม่เป็นไร)

ตัวนี้สอนคนอยากรวยให้คิด DDM เป็น


10. NINE : เกรด A
ตัวนี้แอบภูมิใจว่ามองออกเป็นลำดับต้นๆ  เพราะแนวโน้ม"ดี"ชัดเจน  แม้กำไรจะยังไม่ออกมาก็ตาม  แต่เสียดายที่ซื้อ"น้อย"ไปนิด

ตอนซื้อคิดว่าเป็นเด้งแหงๆ  อาจจะสักปีนึง  แต่ด้วยโชคหรืออะไรไม่รุ้มันมาเร็วมาก  พอๆกับ JUBILE แต่ไม่มีกำไรรองรับ  ไม่กล้าไล่ครับ  เลยมีอยู่น้อยมากอีกแล้ว

พระเจ้าก็แกล้งต่อด้วยการให้เนชั่นมา"เพิ่มทุน"  แล้วมีการลากไปจนได้ 3 เด้งกว่าๆ

สำหรับคนอยากรวยถือว่ามัน"นอกเกม"แล้ว  เพราะไม่รู้ volume ไม่รู้กราฟ  และมาถึงราคาเป้านานแล้ว  ที่เหลือเมื่อ"ไม่อยู่ในเกม"ของเรา  คนอยากรวยเลยขายทิ้งดื้อๆครับ

ส่วนจะหมูหรือเปล่าไม่รู้  รอลุ้นเอา


11. KTC : เกรด A
ตัวนี้มองช้ากว่าเซียนไปเยอะมาก  ทำให้ต้องมา take risk การทำงานต่อว่าจะดีจริงไหม(เซียนหนีไปหมดแล้ว)  เป็นตัวหลักในพอร์ทและตอนนี้โดนทุบมา 1 อาทิตย์ติดๆลงไป 10%  เรียกว่า"อ๊วกแตก"

แต่ทนถือต่อ  แลั้วตัดสินว่าเป็นอย่างไร  ถ้าได้ตามเป้า  ถือว่าเกรด S เพราะมองขาดทะลุ  แต่ถ้าไม่ได้ตามเป้า  เอาไปเกรด B เพราะก็ยังเทิร์นหลอกๆได้(อาจจะขาดทุนจากตรงนี้นิดหน่อย)

โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะไปต่อ  มาลุ้นกัน  ชะตาชีวิตปีนี้คงต้อง"ฝากไว้"กับตัวนี้ละ

และตัวนี้สอนให้คนอยากรวยรู้จักการ follow buy เพราะปกติหุ้นขึ้นก็กลัวและหยุดซื้อทันที(เหมือน JUBILE กับ NINE)  ตัวนี้ทำให้ใช้วิชามารอย่าง MM มากขึ้น


12. RS : เกรด A
หุ้นตัวนี้หลายๆคนมองมันเกือบๆจะดีแล้ว  เพราะติดปัญหา LC pay TV ทำให้อาจจะขาดทุนจากค่าลิขสิทธิ์ลาลีก้าทำให้คนกลัวขาดทุน

แต่คนอยากรวยแอบไปคุยกับ IR และนั่ง valuation เองมั่วๆแล้ว  คิดว่า F PE แค่ 10 นิดๆเอง  กับหุ้นที่อยุ่ในเทรนด์และ"ดี"ขนาดนี้

ทำให้นั่งเก็บตัวนี้เยอะมาก  โดยเสี่ยงเก็บ W เพราะ W มันน่าจะได้ราวๆ 1 เด้ง

เหมือนสวรรค์เห็นใจความพยายาม  พอเก็บคน 20% ก็ลากออนทัวร์ทันที  ในเดือนนิดๆ  ก็ได้ 1 เด้งมาสมใจครับ  แต่อีกใจนึงก็เซ็งเพราะเงินเดือนใหม่ยังไม่ออกมาให้เก็บตัวนี้เพิ่มอีกเลย  ขี้เกียจทำการบ้านอ่ะ


ส่วน WORK ยังไม่ประกาสผลสอบ  รอดูก่อน


โดยสรุปปีที่แล้วซื้อ-ขายหุ้นเยอะมากๆ  12 ตัว  เงินลงพอร์ท 100% ตลอด

เน่าไปจริงๆ 2 ตัว(HTECH,SiS)  ไม่ไปไหน 2 ตัว(INTUCH, SNC) และไปแบบไม่ได้มีส่วนร่วม 2 ตัวคือ RMLและ BLA ถือว่าบัดซบอยู่  โอกาสผิดถูกมัน 50:50 เหมือนมั่วเอาเลย

ตัวที่ประสบความสำเร็จคือ SCBLIF, RS, KTC, NINE และ JUBILE ได้มาเฉลี่ยราวๆ 1 เด้งทุกตัว



สรุป

- การเข้าซื้อมีผิดพลาดตามตัวที่เข้าผิดไป
- การขายมีผิดพลาดครั้งเดียวคือขาย SCBLIF ตอน 630 แล้วไปซื้ออีกทีตอน 700
ที่เหลือแม้จะขายหมู HMPRO แต่เพราะคิดว่า KTC มี upside เยอะกว่า  และคนอยากรวยคิดถูก(ถึงตอนนี้นะ  ต่อไปอาจจะคิดผิด)  ที่เหลือคือ cut loss ทิ้งอย่างมีเหตุผล  เพราะ"คิดผิด"ตั้งแต่ตอนซื้อ  โชคดีที่"ยอมรับความจริง"ได้


ตัวที่"พลาด"ไม่ได้ซื้อ

คนอยากรวยจะไม่เอาตัวที่ไม่ได้อยู่สายตามารวมนะครับ  แต่จะเอาเฉพาะตัวที่อ่านพอสมควรแล้ว  แต่ไม่ซื้อ

- GL เป็นหุ้นเป็นเด้งๆที่พลาดอย่างจังและเสียใจอย่างที่สุด  เพราะอ่านเข้าใจแล้ว  คำนวณออกแล้วว่ากำไรน่าจะ 4-5 อย่างต่ำ  ราคาตอนนั้น 24-25 บาท
แต่ดันไปอ่านบทความนึงบอกว่า "หุ้นการเงินมักจะได้ PE 5-7  เพราะมักมักจะเจ๊งเมื่อเกิด economic crisis หรือไดีจนถึงวันเจ๊ง""
ซึ่งเอาราคามาคิดก็  อืม FV พอดีนี่หว่า  เลยไม่ได้ซื้อ  สรุปไป 80 บาท  แทบบ้าครับ
คนอยากรวยว่าคนเขียนบทความไม่ผิด  คนอยากรวยประเมินตลาดผิดเอง

-AOT หุ้น 1 เด้งอีกตัว  ที่อาจารย์แนะนำมาโดยตรง  ยอมรับว่าอ่านแล้ว  ประเมินกำไรแบบงงๆแล้ว  เข้าใจประเด็นแล้ว  แต่ไม่ได้เล่นเพราะตอนนั้นแอบไม่ชอบ
สรุปก็หมูไป 1 เด้ง  ส่วนอาจารย์ได้มา 500m  โอ้  พอร์ทเราช่างต่างกันจริงๆ

-JAS หุ้นอีกเด้งที่หายไป  เข้าใจภาพธุรกิจ BB แล้ว  มองตอนนั้น F PE 10-12 ไม่รู้ไปกลัวอะไร  ไม่กล้าเข้า  สรุปหมูไปตามระเบียบรัตน์


ส่วนตัวอื่นมองผ่านๆ  อย่างเช่น SIRI อ่านไม่เข้าใจ  SUPER มองว่าไม่ดี  เป็นต้น


โดยภาพรวมถือว่าเฉยๆ  แต่คิดว่าเป็นปีแรกที่เข้าตลาด  มีมั่วเยอะเลยคิดว่าพอใช้ได้

อย่างไรก็ดีปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว  หน้าใหม่หรือเพิ่งเข้าตลาดคงใช้ไม่ได้อีกแล้ว  ก็ต้องทำให้"ดี"ในฐานะคนเล่นหุ้นให้ได้ครับ  โย่วววววววววววววววว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น